พ่อ ลูก ลา กับเสียง นินทา
ลา |
…… มีพ่อลูกสองคน พ่ออายุ ๖๐ ปี ผมหงอกประปราย ลูกชาย อายุ ๑๒ ปี
มีอาชีพทางทำไร่
…… วันหนึ่งพ่อพาลูกชายไปซื้อลาที่คอกลาในเมืองมาตัวหนึ่ง ตัวขนาดกลาง
ไม่ใหญ่ไม่เล็ก เพื่อเอาไว้ใช้ ลากรถบรรทุกสินค้าพืชผลไปขายที่ตลาดในเมือง
…… ขณะนำลากลับบ้านนั้น พ่อให้ลูกชายขี่ลา พ่อเดินจูงลาไป ผ่านไปหมู่บ้านหนึ่ง
มีคนออกมายืนดู คนหนึ่งพูดว่า อ้ายเด็กคนนี้พิกล ขี่ลาสบาย
ปล่อยให้พ่อซึ่งเป็นคนแก่ เดินจูงลา ชายผู้พ่อได้ยินดังนั้น ก็ให้ลูกชาย
ลงจากหลังลา ตนเองขึ้นขี่ลา ให้ลูกเดินจูงลาไป
…… พอผ่านไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง ก็มีคนพูดว่า คนแก่จนผมสองสีแล้วขี่ลาสบาย
ให้เด็กตัวนิดเดียวเดินจูงลา ช่างทารุณเด็กเสียจริง ๆ ชายคนนั้นได้ยินเช่นนั้น
ก็เอาลูกของตนขึ้นลา ขี่ด้วย แล้วเดินทางต่อไป
……พ่อไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง คนในหมู่บ้านนั้นเห็นเข้าก็ พูดว่า พ่อลูกคู่นี้
ช่างโหดร้ายทารุณเหลือเกิน ลาตัวนิดเดียว ดันขี่ตั้งสองคน ชายคนนั้น
ได้ยินเขาพูดดังนั้น ก็พาลูกชายลงจากหลังลา
ช่วยเอาเชือกมามัดลาที่สองขาหน้าเปลาะหนึ่ง สองขาหลังเปลาะหนึ่ง
เอาไม้มาสอดเข้าในระหว่างขาทั้ง ๔ จะหามลาไปโดยให้ลูกชายหาม ทางหัว
พ่อแบกทางหางลา เด็กกำลังน้อยและเตี้ยกว่าผู้ใหญ่ ทำให้หามไม่สะดวก
เด็กจึงหาบลง ชักไม้หาบออก คิดว่าจะแก้มัดลา แล้วคิดจะพากันจูงไปดีกว่า
ลาได้รับความทรมานมาก็ดิ้นรน หลุดจากมือของพ่อลูกแล้ว หลุดลงไปคูข้างถนน
จะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ เพราะขาทั้ง ๔ ยังถูกมัดอยู่ สองพ่อลูก จะลงไปช่วยก็ไม่ทัน
ลาจึงจมน้ำตาย อยู่ในคูน้ำนั่นเอง
……นี่แหล่ะโทษของการหวั่นไหว ไปตามคำพูดของคนอื่น จึงทำให้สองพ่อลูก
เสียลาไปโดยใช่เหตุ
…….ฉะนั้น จงเป็นคนหนักแน่นมั่นคง มีเหตุมีผล อย่าหวั่นไหวโอนเอียง
ไปตามคำสรรเสริญนินทาเป็นประจำของโลก คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก
คนไม่ได้รับการสรรเสริญก็ไม่มีในโลก ต้องประสบทั้งสองอย่าง
เว้นแต่อย่างไหนจะมากน้อยกว่ากันเท่านั้น คิดได้ดั่งนี้ก็จะได้สบายใจ
ที่มา: http://www.yimwhan.com